วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551
เป็นเหยื่อแอบถ่าย โฟร์-มด เครียดจัด-คลิปว่อน
"โฟร์-มด" นักร้องสาวดูโอขวัญใจวัยรุ่น ตกเป็นเหยื่อคนโรคจิตแอบถ่ายคลิป ตอนเปลือยกายในห้องน้ำ หนึ่งในสองนักร้องดัง "มด" ยอมรับของจริง แต่ตัวเองไม่เคยดูกับตา เพราะเครียดจัดจนไม่กล้าดู ไม่รู้ว่าถูกแอบถ่ายตอนเดินสายไปที่จังหวัดไหน พักโรงแรมอะไร ครวญไม่อยากเห็น เพราะกำลังเพ่งสมาธิไปกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย บิ๊กอาร์เอส "ชมพู-ฟรุตตี้" เผยไม่รู้มีคลิปจริงหรือไม่ แต่เคยเรียกสอบถามจากตัว "โฟร์-มด" ว่าเคยไปถ่ายตัวเองหรือเปล่า ได้รับคำยืนยันว่าไม่เคย ลั่นถ้ามีใครตั้งกล้องแอบถ่ายถือว่าเลวมาก หากเผยแพร่ให้เสียหายก็ต้องฟ้อง อยู่ระหว่างการตามเช็กหาคลิปอยู่ เมื่อวันที่ 16 กันยายน ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายสุทธิพงษ์ วัฒนจัง หรือชมพู ฟรุตตี้ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานธุรกิจเพลงไทยสากล บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ถึงกรณีที่มีคลิปแอบถ่ายสาว 2 คนที่หน้าเหมือนนักร้องขวัญใจวัยรุ่นชื่อดัง "โฟร์-มด" และมีข่าวว่าประกาศจะฟ้องคนที่นำคลิปมาเผยแพร่ ชมพูกล่าวว่า ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยว่าจะมีฟ้อง แต่ที่ผ่านมาก็ได้ยินคนมาพูดเหมือนกันว่ามีคลิปวิดีโอ และก่อนหน้านี้ฝ่ายดูแลศิลปินก็ได้มีการเรียกน้องทั้ง 2 คน เข้ามาถามเรื่องราวว่าจริงหรือเปล่า ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่มีใครถ่าย เราจึงไม่รู้ว่าเรื่องที่เป็นข่าวมันจริงเท็จอย่างไง เพราะไม่เคยมีใครได้ดูคลิปดังกล่าวเลย น้อง 2 คน เขาไม่ได้ถ่ายแน่นอน แต่ถ้าเป็นการแอบถ่ายจากที่อื่น ถ้ามีจริงก็ถือว่าเลวมาก "ส่วนที่มีข่าวออกไปว่า ทางอาร์เอสจะฟ้อง เราจะไปฟ้องใครล่ะ หนังสือฉบับที่ลงก็ไม่ใช่ แต่ถ้าหากว่ามีคลิปแบบนั้นจริงแล้วใครนำไปเผยแพร่ ก็ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติถ้ามันเกิดความเสียหายเราก็ฟ้อง ไม่ใช่เราลั่นว่าจะฟ้อง เราเองก็ยังไม่รู้ว่าคลิปตรงนั้นมันมีจริงหรือเปล่า ตอนนี้ก็กำลังให้คนตามเช็กอยู่" ชมพู ฟรุตตี้ กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากคลิปที่มีการปล่อยออกมา เป็นภาพแอบถ่ายจากช่องพัดลมดูดอากาศของห้องน้ำ ซึ่งคาดว่าอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง จากด้านนอกช่องพัดลมเข้าไปข้างในห้องน้ำ เห็นภาพสาววัยรุ่นเปลือยกายหลังอาบน้ำเสร็จ และแต่งตัวก่อนเข้านอน โดยเป็นการแอบถ่าย 2 ช่วง ช่วงละคน ในลักษณะต่อคิวกันเข้าห้องน้ำ ซึ่งในวงการคนชอบดูคลิปแอบถ่ายระบุว่า ใบหน้าทั้งคู่คล้ายกับ โฟร์ - ศกลรัตน์ วรอุไร และมด - คุณัชญา ชัยรัตน์ โดยลักษณะของห้องน้ำน่าจะเป็นห้องน้ำของโรงแรมหรือรีสอร์ตในต่างจังหวัด ทั้งนี้ หากเหยื่อที่ถูกแอบถ่ายเป็นนักร้องสาวโฟร์-มดจริง ก็น่าจะเป็นแอบถ่ายไว้นานแล้วด้วย เพราะสีผมของหญิงสาวในคลิปทั้งสองคน เป็นไฮไลต์สีทอง ต่างจากสีผมปัจจุบันของนักร้องสาวดูโอ ข่าวแจ้งว่า หลังจากมีข่าวลือเรื่องคลิปดังกล่าว ทางผู้บริหารอาร์เอสได้เรียกประชุมเพื่อหาต้นตอคลิป และวางมาตรการปกป้องศิลปินในสังกัด เวลาเดินทางไปทัวร์คอนเสิร์ตต่างจังหวัด ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า หากใครนำคลิปมาเผยแพร่ในรูปแบบใดๆ ก็ตาม จะฟ้องร้องดำเนินคดีทันที วันเดียวกัน นางปวริศา ชัยรัตน์ วัย 47 ปี มารดาของนักร้องสาว "มด-คุณัชญา" กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อเช้าได้เข้าไปคุยกับผู้ใหญ่อาร์เอส ซึ่งบอกว่าจะเป็นคนดูแลเรื่องนี้ และเรื่องวิธีการในการป้องกันทุกๆ ด้าน ถ้ารูปมันออกมาจริงๆ ส่วนเรื่องคลิปนั้น ตนและลูกไม่ได้เข้าไปดู เพราะว่าพอข่าวออกมาก็ทำให้ทั้งแม่และลูกเครียดกันมากพอแล้ว ตอนนี้มดกำลังสอบปลายภาค และก็ติวเตรียมสอบเข้าจุฬาฯ ตนไม่อยากให้ลูกโฟกัสไปที่เรื่องข่าว เพราะจะทำให้เขาเสียสมาธิ ผู้สื่อข่าวถามถึงสภาพจิตใจของ "มด" ตอนนี้ นางปวริศา ชัยรัตน์ กล่าวว่า เครียดค่ะ แต่ตอนนี้เขาบอกว่าเขาขอเอาเรื่องสอบก่อน ตนบอกเขาไปว่าไม่เป็นไรปล่อยไปเถอะ ไม่รู้ว่าภาพนั้นมันใช่เราจริงๆ หรือเปล่า เรายังไม่เห็นและไม่อยากที่จะไปดู น้องเขามีซึมไปบ้าง แต่น้องเขาเป็นห่วงความรู้สึกของตนมากกว่า ตอนนี้ทั้งตนและตัวน้องพยายามที่จะไม่สนใจเรื่องข่าว อยากที่จะให้เขาติวเตรียมตัวที่จะไปสอบเรียนต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะข่าวที่เข้ามามันสร้างความกังวลใจให้กับเขา ตนพยายามบอกเขาว่าไม่ต้องใส่ใจเรื่องนี้ ตั้งใจเรียนติวไปดีกว่า ไม่ว่าเรื่องมันจะออกมาอย่างไร ทางบริษัทเขาก็เป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้เองอยู่แล้ว ต่อข้อถามว่า "มด" ร้องไห้บ้างไหม นางปวริศากล่าวว่า ไม่เลย น้องเข้มแข็ง ถ้าตนเข้มแข็งเขาจะโอเค แต่ถ้าตนไม่เข้มแข็งเขาจะรู้สึกแย่ ตอนนี้เราต้องเป็นหลักให้เขา เพราะเขาไม่อยากให้มีเรื่องอะไรมาทำให้ตนไม่สบายใจ อย่างที่บอกตนไม่ทราบว่ามันจะใช่หรือไม่ใช่ แต่ข่าวมันออกมาเราไม่อยากรับรู้ และตั้งแต่เกิดเรื่องนี้ก็ยังไม่ได้คุยกับคุณแม่ของน้องโฟร์ เพราะหลังจากน้องเสร็จงานก็ไม่ได้เจอกันอีก แต่น้องสองคนเขาคุยกันและเขาก็ยังไม่เห็นรูปทั้งคู่ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หลังจากมีข่าวออกมามีคนเข้ามาถามข้อเท็จจริงบ้างหรือไม่ นางปวริศา กล่าวว่า มีคนถามเป็นธรรมดา แต่คนยิ่งถามมันก็ยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับเรา เราพยายามที่จะเลี่ยง แต่บางทีมันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกถาม อย่างตัวน้องเอง ตนก็ไม่กลัวที่จะมีคนถามตอนที่เขาไปติว เพราะเป็นการติวแบบตัวต่อตัว ต่อข้อถามถึงเรื่องวิธีป้องกันหลังจากเกิดเหตุการณ์อย่างไรบ้าง นางปวริศากล่าวว่า ถ้ามันเป็นอย่างนี้ต้องระวังตัว เวลาน้องจะเดินทางไปทำงานทางบริษัทต้องดูแลให้เต็มที่ ไปตรวจตราดูก่อนว่าห้องแต่งตัวห้องที่เขาต้องเข้าไปทำงานมันปลอดภัยไหม อันนี้พูดถึงมาตรการป้องกัน อย่างตัวน้องเองเขาต้องมีเซฟตัวเองมากขึ้น เพราะเราเคยมีบทเรียนจากครั้งนี้มาแล้ว เราไม่รู้นะว่าใช่หรือไม่ใช่ เมื่อถามว่า ถ้ากรณีคลิปดังกล่าวเป็นของจริง จะมีการฟ้องร้องหรือไม่ นางปวริศากล่าวว่า ตรงนี้ต้องให้ทางบริษัทเป็นผู้ดูแล เพราะเราเป็นผู้ถูกกระทำไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ แต่เอามาเป็นชื่อลูกเรา มันก็ต้องให้บริษัทจัดการให้เรา อย่างตอนนี้บริษัทเป็นคนดูแลเราอยู่แล้ว เรื่องฟ้องหรือไม่ฟ้องขึ้นอยู่กับทางบริษัทเขาจะดำเนินการ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วน "โฟร์-ศกลรัตน์" ขณะนี้ได้เดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศ เนื่องจากช่วงนี้ "มด - คุณัชญา" ขอพักงานเกือบ 2 อาทิตย์เนื่องจากเตรียมตัวเรื่องการสอบปลายภาคและเตรียมสอบเข้าจุฬาฯ ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามเรื่องนี้ไปยัง มด - คุณัชญา ชัยรัตน์ นักร้องวัยรุ่นชื่อดังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น มดกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้เห็นคลิปดังกล่าว และก็ไม่พยายามที่จะใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย ตัวเองขอมุ่งไปเรื่องเรียนหนังสือมากกว่า เพราะว่าเป็นช่วงที่ใกล้จะสอบปลายภาคและก็เตรียมที่จะเอ็นทรานซ์ เรื่องที่เกิดขึ้นก็มีคนมาเล่าให้ฟัง แต่ก็ไม่อยากจะรับรู้อะไร ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นจริงหรือไม่ นักร้องวัยรุ่นตอบว่า เป็นเรื่องจริง แต่ตนก็ไม่ได้เห็นและเท่าที่มีคนเล่าให้ฟัง ก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกอย่างในแต่ละเดือน ตนเองก็จะเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ตในที่ต่างๆ มากมาย จึงบอกไม่ได้ว่าภาพที่เกิดขึ้นเป็นที่ไหน ในวันนี้ทางผู้ใหญ่อาร์เอสได้เรียกเข้าไปสอบถามและก็ได้ให้กำลังใจมา เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เป็นคนทำ ตอนนี้ทางผู้ใหญ่เองก็ให้นิ่งๆไว้ก่อน เรื่องต่างๆ ทางบริษัทจะเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป "ไม่อยากจะเห็นค่ะว่าเป็นอย่างไร เพราะถ้ายิ่งดูก็ยิ่งจะเสียความรู้สึกมากไปกว่าเดิม ถ้าดูแล้วใจเราก็จะวอกแวก คอยระแวงมากขึ้น สิ่งที่สำคัญที่มดห่วงที่สุด ก็คือเรื่องของความรู้สึกของคุณแม่ เพราะว่าคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ถ้าคนที่เรารักเจอแบบนี้เขาจะเจ็บกว่าเราหลาย เท่า ตอนนี้มดกับแม่ก็ได้แต่ปลอบกันไปกันมา เรารู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากๆ แย่กันทั้งคู่ ผู้ใหญ่เองก็ให้กำลังใจและก็บอกว่าให้เราอยู่เฉยๆ จะดีกว่า เพราะว่าเป็นเรื่องที่เราถูกกระทำ ไม่ใช่เราไปกระทำค่ะ" ด้านนางปวริศา ชัยรัตน์ มารดาของมด กล่าวอีกครั้งว่า ต้องบอกว่าคนที่ทำเรื่องนี้ต่ำมากๆ ไร้ซึ่งจิตใจ ไม่มีสำนึกความเป็นคน น้องเจอแบบนี้ทั้งๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เกิดเรื่องแบบนี้เราปลอบกันเอง ไม่มีใครช่วยเรื่องจิตใจของเราได้ แต่ก็ขอบคุณแฟนๆ เพลงและสื่อมวลชน ที่ยังคอยให้กำลังใจเรา ตอนนี้ก็คิดแต่เพียงว่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นไปแล้วก็ช่างมัน ใครทำอะไรไว้ก็จะได้ผลกรรมแบบนั้น ความจริงแล้วลุงของน้องมด คือคุณอิสเรส ชัยรัตน์ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาก็ทราบเรื่องนี้ ก็โกรธมากที่มาทำกับหลานสาว แต่เรื่องทุกอย่างก็ให้บริษัทเป็นคนจัดการไปตามกฎหมาย ซึ่งบริษัทก็กำลังสืบหาอยู่ว่าเป็นที่ไหน ใครเป็นคนเผยแพร่
วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551
การบ้าน
การบ้านครั้งที่ 1 ให้นักศึกษาอธิบายความจากหัวข้อต่อไปนี้
1.จงอธิบายความหมายของสำนักงาน
-สำนักงาน คือ สถานที่แห่งหนึ่งซี่งอาจเป็นห้องเดียวหรือหลายห้อง จะมีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ได้ อาจเป็นสถานที่สำหรับทำธุรกรรมต่างๆ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานหรือควบคุมการดำเนินงานโดยอาศัยสารสนเทศเป็นเครื่องมือ โดยมีหน้าที่รับข้อมูลจากผู้หนึ่งมาประมวลผลแล้วส่งไปให้อีกผู้หนึ่ง การจำแนกข้อมูลหรือเอกสารในสำนักงานตามลักษณะและประเภท 1.1 ลักษณะ
1.1.1 คำสั่ง เช่น ใบสั่งซื้อสินค้า ใบขอถอนเงิน
1.1.2 รายงาน เช่น รายงานผลประกอบการ รายงานโครงการ รายงานความคืบหน้าโครงการ1.1.3 บันทึกช่วยจำ 1.1.4 ข่าว
1.2 ประเภท
1.2.1 เอกสารพิมพ์
1.2.2 เสียง เช่น โทรศัพท์
1.2.3 ภาพลักษณ์ เช่น แผนภูมิ
1.2.4 สื่อที่คอมพิวเตอร์อ่านได้
2.การจัดการสำนักงานประกอบด้วยกิจกรรมใดบ้าง
- การจัดการสำนักงาน ได้ผลประกอบด้วยกิจกรรมด้านต่างๆ 3 ประการ ดังนี้
1.การวางแผนสำนักงาน ซึ่งที่เหมาะสมประกอบด้วย,การวางแผนการจัดสถานที่และสภาพแวดล้อม,การวางแผนขั้นตอนการปฏิบัติงานกับการรับส่งและการจัดทำเอกสาร,การวางแผนเกี่ยวกับกระแสงาน,การวางแผนการจัดหาบุคลากรตลอดจนการพัฒนาบุคลากรสำนักงาน,การวางแผนการรักษาความปลอดภัยของเอกสาร ข้อมูล ทรัพย์สิน และพนักงานในสำนักงาน ,การวางแผนการติดต่อสื่อสารภายในและภายนอกด้วยระบบโทรศัพท์และโทรสาร,การวางแผนการจัดซื้อ อุปกรณ์ เครื่องใช้และวัสดุสำนักงาน,การวางแผนค่าใช้จ่ายในสำนักงาน
2.การจัดสายงาน การจัดสายงานและจัดพนักงานเข้าทำงานในสำนักงาน การปฏิบัติงานที่นอกเหนือจากการบริหารใน สำนักงาน อาจจัดแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ดังนี้ งานวิชาชีพ เช่น การทำบัญชี การตรวจสอบบัญชี สถาปนิก วิศวกร,งานสายสนับสนุน เช่น พนักงานขายสินค้า ช่าง นักเทคนิค,งานสายสำนักงาน เช่น เลขานุการ พนักงานเดินสาร เจ้าหน้าที่สารบรรณ,การควบคุมการปฏิบัติงาน เช่นการควบคุมค่าใช้จ่าย การควบคุมการใช้ทรัพยากร การควบคุมการเบิกจ่ายวัสดุ,สำนักงาน การควบคุมการเข้าออกบริเวณ,การแก้ปัญหา เพื่อเป็นวิธีการปฏิบัติงานเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน,การสร้างขวัญและกำลังใจ การพิจารณาเพิ่มเงินเดือน การพิจารณารางวัลการทำงาน,การอำนวยการ เพื่อระดมทรัพยากรในการทำให้การดำเนินงานเป็นไปตามปกติ และช่วยให้การทำงานบรรลุวัตถุประสงค์ลุล่วงไปด้วยดี
3. สภาพแวดล้อมและเทคโนโลยีสำนักงาน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ด้าน ดังนี้ ที่ตั้งสำนักงาน ซึ่งมักคำนึงถึงการเดินทาง การขยายและปรับปรุงในอนาคต, การคมนาคม เป็นการพิจารณาเพื่อให้ผู้ทำงานบริการเวลาในการเข้าและออกจากสำนักงาน ตลอดจนผลกระทบสิ่งแวดล้อมขณะเดินทางมาทำงาน,สภาพจิตใจ พนักงานควรมีสภาพจิตใจที่พร้อมจะทำงาน และสามารถแก้ไขปัญหาภายในสำนักงานจากระบบงาน ระบบการบังคับบัญชาด้วย เทคโนโลยีสำนักงาน การปฏิบัติงานกับเอกสารอาจประยุกต์เทคโนโลยีมาใช้ได้ดังนี้ ระบบงานพิมพ์,ระบบโทรคมนาคม,ระบบการจัดส่งและจัดเก็บเอกสาร, คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล,ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
3.การวางแผนสำนักงานจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง
- การวางแผนสำนักงาน ซึ่งที่เหมาะสมประกอบด้วย,การวางแผนการจัดสถานที่และสภาพแวดล้อม,การวางแผนขั้นตอนการปฏิบัติงานกับการรับส่งและการจัดทำเอกสาร,การวางแผนเกี่ยวกับกระแสงาน,การวางแผนการจัดหาบุคลากรตลอดจนการพัฒนาบุคลากรสำนักงาน,การวางแผนการรักษาความปลอดภัยของเอกสาร ข้อมูล ทรัพย์สิน และพนักงานในสำนักงาน ,การวางแผนการติดต่อสื่อสารภายในและภายนอกด้วยระบบโทรศัพท์และโทรสาร,การวางแผนการจัดซื้อ อุปกรณ์ เครื่องใช้และวัสดุสำนักงาน,การวางแผนค่าใช้จ่ายในสำนักงาน
4.สภาพแวดล้อมเกี่ยวกับที่ตั้งขอสำนักงานมีผลต่อการปฏิบัติงานอย่างไร
สภาพแวดล้อมของสำนักงาน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ด้าน ดังนี้
1 ที่ตั้งสำนักงาน ซึ่งมักคำนึงถึงการเดินทาง การขยายและปรับปรุงในอนาคต
2 การคมนาคม เป็นการพิจารณาเพื่อให้ผู้ทำงานบริการเวลาในการเข้าและออกจากสำนักงาน ตลอดจนผลกระทบสิ่งแวดล้อมขณะเดินทางมาทำงาน
3 สภาพจิตใจ พนักงานควรมีสภาพจิตใจที่พร้อมจะทำงาน และสามารถแก้ไขปัญหาภายในสำนักงานจากระบบงาน ระบบการบังคับบัญชาด้วย
5.เทคโนโลยีที่มีใช้ในสำนักงานมีอะไรบ้าง
เทคโนโลยีที่ใช้ในสำนักงาน แบ่งได้ดังนี้
2. มีการออกแบบและพัฒนาระบบข้อมูล
3. ได้รับความร่วมมือจากบุคคลากรฝ่ายงานต่างๆ
เทคโนโลยีที่ใช้ในสำนักงานอัตโนมัติ
ลักษณะของการใช้เทคโนโลยีในสำนักงานอัตโนมัติ แบ่งได้เป็น 5 ลักษณะงาน คือ
1. งานด้านการจัดการเอกสาร
2. งานด้านการจัดการข่าวสาร
3. งานด้านการประชุม
4. งานด้านการสนับสนุนสำนักงาน
5. งานด้านการสนับสนุนผู้บริหาร
6.เหตุผลที่หน่วยงานต้องพัฒนาระบสำนักงานอัตโนมัติคืออะไร
เศรษฐกิจ ค่าใช้จ่ายทางด้านเอกสาร เงินเดือนพนักงานที่จัดการเอกสาร ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนมาเพื่อลดต้นทุน โดยการใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยจัดการงานเอกสาร สารสนเทศ ข้อมูลข่าวสารเกิดขึ้นตลอดเวลา การพัฒนาเพื่อรองรับ และการหาระบบเพื่อสำรองข้อมูลและสื่อในการรับรู้ ทำให้เกิดสำนักงานอัตโนมัติ การเปลี่ยนแปลงสำนักงานธรรมดาไปสู่สำนักงานอัตโนมัติ มีรากฐานอยู่ที่การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอันประกอบด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีโทรคมนาคม
7.การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในสำนักงานจำแนกได้กี่ด้าน
4 ด้าน คือ
1. ด้านการสื่อสาร
2. ด้านการจัดการเอกสารต่าง ๆ ในสำนักงาน
3. ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
4. ด้านการรับส่งข้อมูลภายในสำนักงาน
8.สำนักงานอัตโนมัติมีประโยชน์อะไรบ้าง
1. ความรวดเร็วในการนำไปใช้งาน Timelines สามารถให้ข้อมูลที่รวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ทันกับความต้องการ
2. ความถูกต้อง Accuracy ได้รับข้อมูลที่มีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น
3. ลดเวลาในการทำงาน Reduce Time ประหยัดเวลาในการดำเนินงา
4. ลดค่าใช้จ่าย Reduce Cost ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
5. เพิ่มประสิทธิภาพ Efficiency ในด้านการติดต่อสื่อสารข้อมูล
6. การใช้ระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งปรากฎข้อมูลต่าง ๆ บนจอภาพนั้นเราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านการติดต่อสื่อสารโดยการเพิ่มความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัสทางตาและหูไปพร้อมกัน จึงช่วยให้เกิดความเข้าใจและความจำสมบูรณ์ขึ้นพร้อมทั้งสื่อสารได้ไกลและกว้างยิ่งขึ้น ช่วยลดความจำเจซ้ำซากของงานลงได้ทำให้ไม่เบื่องาน
9.การพัฒนาระบบสำนักงานอัตโมัติมีกี่วิธีอะไรบ้าง
การพัฒนาระบบสำนักงานอัตโนมัติมี 7 วิธีดังนี้
1. การศึกษาวิเคราะห์ความต้องการ
2. การออกแบบระบบ
3. การสร้างและการติดตั้งระบบ
4. การทดสอบระบบงาน
5. การเตรียมตัวใช้งานระบบ
6. การเปลี่ยนระบบ
7. การประเมินและปรับปรุงระบบ
10.ในการเรียนการสอนมีปัญหาอะไรบ้างจะมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร
บางครั้งอาจารย์สอนเร็วเกินไปคนที่รู้เรื่องแล้วก็อาจเข้าใจ แต่สำหรับบางคนทึ่ยังไม่รู้จักเรื่อง
บางครั้งก็ตามไม่ทันครับแต่โดยรวมแล้วก็เข้าใจครับ
11.สรุปวิวัฒนาการของสำนักงานอัตโนมัติ
ปี ค.ส. 1960 ใช้เครื่องพิมพ์ดีด (Typing) โทรศัพท์ (Telephone) เครื่องถ่ายเอกสารและเครื่องจักร (Electronic Machine)ปี ค.ส. 1964 ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ Mainframe, Mini และ Micro Computer ใช้โปรแกรมWord Processingจัดเก็บข้อมูลในเทปแม่เหล็ก ? จานแม่เหล็กปัจจุบัน ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ PC Computer ใช้ระบบ Electronic Mail ใช้เครือข่าย Lacal Area Network (LAN) หรือ Wide Area Network (WAN)
สำนักงานอัตโนมัติ เป็นกระบวนการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง การทำงานในสำนักงานที่มีอยู่เดิมให้มี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีการนำเอาอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ และคอมพิวเตอร์ มาเป็นเครื่อง ทุ่นแรง ของการปฏิบัติงานภายในสำนักงาน ซึ่งเป็นการทำงานในยุคแห่งข่าวสารข้อมูล (Information Age) ที่มี การติดต่อ สื่อสารข้อมูลหลายรูปแบบ ทั้งตัวเลข ตัวอักษร รูปภาพ ผังงาน กราฟ และเสียง
1.จงอธิบายความหมายของสำนักงาน
-สำนักงาน คือ สถานที่แห่งหนึ่งซี่งอาจเป็นห้องเดียวหรือหลายห้อง จะมีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ได้ อาจเป็นสถานที่สำหรับทำธุรกรรมต่างๆ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานหรือควบคุมการดำเนินงานโดยอาศัยสารสนเทศเป็นเครื่องมือ โดยมีหน้าที่รับข้อมูลจากผู้หนึ่งมาประมวลผลแล้วส่งไปให้อีกผู้หนึ่ง การจำแนกข้อมูลหรือเอกสารในสำนักงานตามลักษณะและประเภท 1.1 ลักษณะ
1.1.1 คำสั่ง เช่น ใบสั่งซื้อสินค้า ใบขอถอนเงิน
1.1.2 รายงาน เช่น รายงานผลประกอบการ รายงานโครงการ รายงานความคืบหน้าโครงการ1.1.3 บันทึกช่วยจำ 1.1.4 ข่าว
1.2 ประเภท
1.2.1 เอกสารพิมพ์
1.2.2 เสียง เช่น โทรศัพท์
1.2.3 ภาพลักษณ์ เช่น แผนภูมิ
1.2.4 สื่อที่คอมพิวเตอร์อ่านได้
2.การจัดการสำนักงานประกอบด้วยกิจกรรมใดบ้าง
- การจัดการสำนักงาน ได้ผลประกอบด้วยกิจกรรมด้านต่างๆ 3 ประการ ดังนี้
1.การวางแผนสำนักงาน ซึ่งที่เหมาะสมประกอบด้วย,การวางแผนการจัดสถานที่และสภาพแวดล้อม,การวางแผนขั้นตอนการปฏิบัติงานกับการรับส่งและการจัดทำเอกสาร,การวางแผนเกี่ยวกับกระแสงาน,การวางแผนการจัดหาบุคลากรตลอดจนการพัฒนาบุคลากรสำนักงาน,การวางแผนการรักษาความปลอดภัยของเอกสาร ข้อมูล ทรัพย์สิน และพนักงานในสำนักงาน ,การวางแผนการติดต่อสื่อสารภายในและภายนอกด้วยระบบโทรศัพท์และโทรสาร,การวางแผนการจัดซื้อ อุปกรณ์ เครื่องใช้และวัสดุสำนักงาน,การวางแผนค่าใช้จ่ายในสำนักงาน
2.การจัดสายงาน การจัดสายงานและจัดพนักงานเข้าทำงานในสำนักงาน การปฏิบัติงานที่นอกเหนือจากการบริหารใน สำนักงาน อาจจัดแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ดังนี้ งานวิชาชีพ เช่น การทำบัญชี การตรวจสอบบัญชี สถาปนิก วิศวกร,งานสายสนับสนุน เช่น พนักงานขายสินค้า ช่าง นักเทคนิค,งานสายสำนักงาน เช่น เลขานุการ พนักงานเดินสาร เจ้าหน้าที่สารบรรณ,การควบคุมการปฏิบัติงาน เช่นการควบคุมค่าใช้จ่าย การควบคุมการใช้ทรัพยากร การควบคุมการเบิกจ่ายวัสดุ,สำนักงาน การควบคุมการเข้าออกบริเวณ,การแก้ปัญหา เพื่อเป็นวิธีการปฏิบัติงานเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน,การสร้างขวัญและกำลังใจ การพิจารณาเพิ่มเงินเดือน การพิจารณารางวัลการทำงาน,การอำนวยการ เพื่อระดมทรัพยากรในการทำให้การดำเนินงานเป็นไปตามปกติ และช่วยให้การทำงานบรรลุวัตถุประสงค์ลุล่วงไปด้วยดี
3. สภาพแวดล้อมและเทคโนโลยีสำนักงาน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ด้าน ดังนี้ ที่ตั้งสำนักงาน ซึ่งมักคำนึงถึงการเดินทาง การขยายและปรับปรุงในอนาคต, การคมนาคม เป็นการพิจารณาเพื่อให้ผู้ทำงานบริการเวลาในการเข้าและออกจากสำนักงาน ตลอดจนผลกระทบสิ่งแวดล้อมขณะเดินทางมาทำงาน,สภาพจิตใจ พนักงานควรมีสภาพจิตใจที่พร้อมจะทำงาน และสามารถแก้ไขปัญหาภายในสำนักงานจากระบบงาน ระบบการบังคับบัญชาด้วย เทคโนโลยีสำนักงาน การปฏิบัติงานกับเอกสารอาจประยุกต์เทคโนโลยีมาใช้ได้ดังนี้ ระบบงานพิมพ์,ระบบโทรคมนาคม,ระบบการจัดส่งและจัดเก็บเอกสาร, คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล,ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
3.การวางแผนสำนักงานจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง
- การวางแผนสำนักงาน ซึ่งที่เหมาะสมประกอบด้วย,การวางแผนการจัดสถานที่และสภาพแวดล้อม,การวางแผนขั้นตอนการปฏิบัติงานกับการรับส่งและการจัดทำเอกสาร,การวางแผนเกี่ยวกับกระแสงาน,การวางแผนการจัดหาบุคลากรตลอดจนการพัฒนาบุคลากรสำนักงาน,การวางแผนการรักษาความปลอดภัยของเอกสาร ข้อมูล ทรัพย์สิน และพนักงานในสำนักงาน ,การวางแผนการติดต่อสื่อสารภายในและภายนอกด้วยระบบโทรศัพท์และโทรสาร,การวางแผนการจัดซื้อ อุปกรณ์ เครื่องใช้และวัสดุสำนักงาน,การวางแผนค่าใช้จ่ายในสำนักงาน
4.สภาพแวดล้อมเกี่ยวกับที่ตั้งขอสำนักงานมีผลต่อการปฏิบัติงานอย่างไร
สภาพแวดล้อมของสำนักงาน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ด้าน ดังนี้
1 ที่ตั้งสำนักงาน ซึ่งมักคำนึงถึงการเดินทาง การขยายและปรับปรุงในอนาคต
2 การคมนาคม เป็นการพิจารณาเพื่อให้ผู้ทำงานบริการเวลาในการเข้าและออกจากสำนักงาน ตลอดจนผลกระทบสิ่งแวดล้อมขณะเดินทางมาทำงาน
3 สภาพจิตใจ พนักงานควรมีสภาพจิตใจที่พร้อมจะทำงาน และสามารถแก้ไขปัญหาภายในสำนักงานจากระบบงาน ระบบการบังคับบัญชาด้วย
5.เทคโนโลยีที่มีใช้ในสำนักงานมีอะไรบ้าง
เทคโนโลยีที่ใช้ในสำนักงาน แบ่งได้ดังนี้
- เทคโนโลยีสารสนเทศ
- การจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
- เทคโนโลยีที่ใช้ในสำนักงานอัตโนมัติ
เทคโนโลยีสารสนเทศ
ความหมาย คือ เครื่องมือ เครื่องใช้ กระบวนการ หรือระบบงานต่างๆ ที่ก่อให้เกิดสารสนเทศตามความต้องการของผู้ใช้งานเป็นการรวบรวม จัดเก็บ ประมวลผล และแสดงผลลัพธ์ เป็นสารสนเทศในรูปแบบต่างๆ ที่สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจ
การจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
หลักของการจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มีดังนี้ คือ
2. มีการออกแบบและพัฒนาระบบข้อมูล
3. ได้รับความร่วมมือจากบุคคลากรฝ่ายงานต่างๆ
เทคโนโลยีที่ใช้ในสำนักงานอัตโนมัติ
ลักษณะของการใช้เทคโนโลยีในสำนักงานอัตโนมัติ แบ่งได้เป็น 5 ลักษณะงาน คือ
1. งานด้านการจัดการเอกสาร
2. งานด้านการจัดการข่าวสาร
3. งานด้านการประชุม
4. งานด้านการสนับสนุนสำนักงาน
5. งานด้านการสนับสนุนผู้บริหาร
6.เหตุผลที่หน่วยงานต้องพัฒนาระบสำนักงานอัตโนมัติคืออะไร
เศรษฐกิจ ค่าใช้จ่ายทางด้านเอกสาร เงินเดือนพนักงานที่จัดการเอกสาร ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนมาเพื่อลดต้นทุน โดยการใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยจัดการงานเอกสาร สารสนเทศ ข้อมูลข่าวสารเกิดขึ้นตลอดเวลา การพัฒนาเพื่อรองรับ และการหาระบบเพื่อสำรองข้อมูลและสื่อในการรับรู้ ทำให้เกิดสำนักงานอัตโนมัติ การเปลี่ยนแปลงสำนักงานธรรมดาไปสู่สำนักงานอัตโนมัติ มีรากฐานอยู่ที่การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอันประกอบด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีโทรคมนาคม
7.การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในสำนักงานจำแนกได้กี่ด้าน
4 ด้าน คือ
1. ด้านการสื่อสาร
2. ด้านการจัดการเอกสารต่าง ๆ ในสำนักงาน
3. ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
4. ด้านการรับส่งข้อมูลภายในสำนักงาน
8.สำนักงานอัตโนมัติมีประโยชน์อะไรบ้าง
1. ความรวดเร็วในการนำไปใช้งาน Timelines สามารถให้ข้อมูลที่รวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ทันกับความต้องการ
2. ความถูกต้อง Accuracy ได้รับข้อมูลที่มีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น
3. ลดเวลาในการทำงาน Reduce Time ประหยัดเวลาในการดำเนินงา
4. ลดค่าใช้จ่าย Reduce Cost ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
5. เพิ่มประสิทธิภาพ Efficiency ในด้านการติดต่อสื่อสารข้อมูล
6. การใช้ระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งปรากฎข้อมูลต่าง ๆ บนจอภาพนั้นเราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านการติดต่อสื่อสารโดยการเพิ่มความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัสทางตาและหูไปพร้อมกัน จึงช่วยให้เกิดความเข้าใจและความจำสมบูรณ์ขึ้นพร้อมทั้งสื่อสารได้ไกลและกว้างยิ่งขึ้น ช่วยลดความจำเจซ้ำซากของงานลงได้ทำให้ไม่เบื่องาน
9.การพัฒนาระบบสำนักงานอัตโมัติมีกี่วิธีอะไรบ้าง
การพัฒนาระบบสำนักงานอัตโนมัติมี 7 วิธีดังนี้
1. การศึกษาวิเคราะห์ความต้องการ
2. การออกแบบระบบ
3. การสร้างและการติดตั้งระบบ
4. การทดสอบระบบงาน
5. การเตรียมตัวใช้งานระบบ
6. การเปลี่ยนระบบ
7. การประเมินและปรับปรุงระบบ
10.ในการเรียนการสอนมีปัญหาอะไรบ้างจะมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร
บางครั้งอาจารย์สอนเร็วเกินไปคนที่รู้เรื่องแล้วก็อาจเข้าใจ แต่สำหรับบางคนทึ่ยังไม่รู้จักเรื่อง
บางครั้งก็ตามไม่ทันครับแต่โดยรวมแล้วก็เข้าใจครับ
11.สรุปวิวัฒนาการของสำนักงานอัตโนมัติ
ปี ค.ส. 1960 ใช้เครื่องพิมพ์ดีด (Typing) โทรศัพท์ (Telephone) เครื่องถ่ายเอกสารและเครื่องจักร (Electronic Machine)ปี ค.ส. 1964 ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ Mainframe, Mini และ Micro Computer ใช้โปรแกรมWord Processingจัดเก็บข้อมูลในเทปแม่เหล็ก ? จานแม่เหล็กปัจจุบัน ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ PC Computer ใช้ระบบ Electronic Mail ใช้เครือข่าย Lacal Area Network (LAN) หรือ Wide Area Network (WAN)
สำนักงานอัตโนมัติ เป็นกระบวนการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง การทำงานในสำนักงานที่มีอยู่เดิมให้มี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีการนำเอาอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ และคอมพิวเตอร์ มาเป็นเครื่อง ทุ่นแรง ของการปฏิบัติงานภายในสำนักงาน ซึ่งเป็นการทำงานในยุคแห่งข่าวสารข้อมูล (Information Age) ที่มี การติดต่อ สื่อสารข้อมูลหลายรูปแบบ ทั้งตัวเลข ตัวอักษร รูปภาพ ผังงาน กราฟ และเสียง
ตะลึง..ศพปริศนา? ฆ่าฝังดิน "สะกดวิญญาณ" จับมัดตราสัง-ปักธูปรอบหลุม

ฆาตกรรมโหดฝังดินหนุ่มนิรนามตะลึง+คนร้ายทำพิธีสะกดวิญญาณไม่ให้ตามรังควาญ จับศพพนมมือมัดตราสัง-ปักธูปรอบหลุม ตร.ชี้ถูกฆ่ามาจากที่อื่น วายร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คนลงมือโหด ทุบกะโหลกแบะใช้กระสอบป่านครอบหัวแล้วนำมาฝังดินอำพรางคดี กว่าจะมีคนพบศพก็เน่าเฟะ คาดตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 วัน เชื่อปมหักหลัง ขบวนการค้าธุรกิจมืดตามแนวชายแดน โดยเฉพาะยาบ้า-โจรกรรมรถข้ามชาติ เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 25 มิ.ย. ร.ต.ท.อนุศร อุดร ร้อยเวร สภ.โคกสูง จ.สระ แก้ว ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่กำลังเลี้ยงวัวอยู่ในป่าสงวนติดริมถนนศรีเพ็ญ เลียบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ห่างจากท้ายหมู่บ้านหนองมั่ง หมู่ 5 ต.หนองแวง อ.โคกสูง ประมาณ 3 กม. ว่าพบศพคนถูกฆ่าฝังดินอยู่กลางป่าละเมาะ ริมถนนสายดังกล่าว จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว นายยุทธนา นุชนารถ นายอำเภอโคกสูง และ นพ.ณัฐวุฒิ ตันฑเทอดธรรม แพทย์เวร รพ.อรัญประเทศ รุดไปตรวจสอบเกิดเหตุ พบหลุมขนาดใหญ่ลึกกว่า 1 เมตร โดยรอบมีธูปที่มอดแล้วปักอยู่ และมีร่องรอยการขุดจนเห็นศพนอนคว่ำหน้าอยู่ โดยมีกระสอบป่านสวมศีรษะ และมีผ้าร่มปิดทับร่างไว้
เจ้าหน้าที่จึงนำศพขึ้นมาตรวจสอบ พบว่าเป็นศพชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 30 ปี สูงประมาณ 170 ซม. สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายดอกสีเหลือง กางเกงยีนส์ขายาว ศพอยู่ในสภาพมือสองข้างถูกมัดตราสังด้วยเชือกในลักษณะพนมมือ ในมือมีเงินฉบับละ 100 บาท 1 ใบ และมีเงินใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้ออีก 150 บาท ส่วนที่ขาทั้งสองข้างก็ถูกมัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา มีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งบริเวณกกหูซ้ายอย่างแรงจนกะโหลกแตก ทั้งนี้ ศพอยู่ในสภาพเน่าเฟะ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 วัน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบถุงพลาสติกสีดำถูกใส่ไว้ในหลุมข้างศพ เปิดดูภายในมีบุหรี่ 4 ซอง กาแฟกระป๋อง 2 กระป๋อง ยาสระผม 2 ซอง และมีดพกสั้นชนิดพับ 1 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
เจ้าหน้าที่จึงนำศพขึ้นมาตรวจสอบ พบว่าเป็นศพชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 30 ปี สูงประมาณ 170 ซม. สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายดอกสีเหลือง กางเกงยีนส์ขายาว ศพอยู่ในสภาพมือสองข้างถูกมัดตราสังด้วยเชือกในลักษณะพนมมือ ในมือมีเงินฉบับละ 100 บาท 1 ใบ และมีเงินใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้ออีก 150 บาท ส่วนที่ขาทั้งสองข้างก็ถูกมัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา มีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งบริเวณกกหูซ้ายอย่างแรงจนกะโหลกแตก ทั้งนี้ ศพอยู่ในสภาพเน่าเฟะ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 วัน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบถุงพลาสติกสีดำถูกใส่ไว้ในหลุมข้างศพ เปิดดูภายในมีบุหรี่ 4 ซอง กาแฟกระป๋อง 2 กระป๋อง ยาสระผม 2 ซอง และมีดพกสั้นชนิดพับ 1 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นักศึกษาควบ "ม้า" ไปเรียน...แก้พิษน้ำมันแพง

ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นไม่หยุดเป็นแรงบีบคั้น นักศึกษากลุ่มหนึ่งในมหาวิทยาลัยแม้โจ้ คิดหาทางออกด้วยการขี่ม้าไปเรียน จากชมรมขี่ม้าเล็กๆ ขยายไปคณะสัตวแพทย์ จนปัจจุบันมีนักศึกษาทั้งหญิงและชายหันมาซื้อม้าในราคาหมื่นเศษขี่แทนรถที่ ใช้เชื้อเพลิง นักศึกษาหนุ่มเผยสุดเท่พา นศ.หญิงซ้อนท้ายม้าไปเรียน
ราคา น้ำมันที่พุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ในปัจจุบัน ทำให้ "ภาณุ เนียมชมภู" ช่างทำเครื่องหนังวัย 38 ปี หน้ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ตัดสินใจหันมาขี่ม้าไปทำงานและใช้ในชีวิตประจำวัน แทนการใช้รถกินน้ำมันอย่างแต่ก่อน และเขาไม่ได้หยุดแนวคิดนี้ไว้เฉพาะกับตัวเองเท่านั้น แต่ยังขยายไปสู่บรรดานักศึกษาในมหาวิทยาลัยแม่โจ้ด้วย
ก่อนหน้านี้ ไม่นานนัก ภาณุในฐานะศิษย์เก่าแม่โจ้และนักกีฬาขี่ม้า ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ตั้งชมรมขี่ม้าขึ้น โดยมีเขาทำหน้าที่ฝึกสอนให้แก่นักศึกษาสาขาสัตวศาสตร์ คณะผลิตกรรมการเกษตรก่อน โดยใช้ม้าของสาขาวิชาที่มีอยู่ 5 ตัว ใช้เป็นพาหนะเดินทางไปเรียนภาคปฏิบัติที่ฟาร์มที่อยู่ห่างออกไป 3-5 กิโลเมตร จากโครงการประหยัดพลังงานนำร่องนี้เอง
ถึงวันนี้ได้ขยายไปสู่สาธารณะมากขึ้น เพราะนอกจากนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้แล้ว ยังมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และอีกหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ สมัครเข้ามาเรียนขี่ม้ากับชมรมขี่ม้าของแม่โจ้ จากชมรมเล็กๆ เน้นฝึกให้แก่นักศึกษาสาขาสัตวศาสตร์ไม่กี่คน ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 50 คน
" ศุภชัย วงศ์กล้า" นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาสัตวศาสตร์ คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 1 ในสมาชิกรุ่นแรกๆ และเป็นนักศึกษากลุ่มแรกที่ซื้อม้ามาใช้ในชีวิตประจำวัน เขาฝึกขี่ม้ากับภาณุในชมรมขี่ม้าแม่โจ้อยู่นานประมาณ 1 เดือน จนแคล่วคล่องจนสามารถบังคับม้าได้อย่างชำนิชำนาญมากขึ้น
จากที่เคยใช้ม้าของสาขาวิชาสัตวศาสตร์เดินทางไปทำงานภาคปฏิบัติที่ฟาร์มจน เกิดความผูกพัน ประกอบกับราคาน้ำมันที่แพงขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2551 เป็นต้นมา ชายหนุ่มจึงตัดสินใจให้ภาณุหาซื้อม้าเพศผู้สายพันธุ์ไทยหรือม้าแกลบสูงไม่ เกิน 2 เมตร มาให้ 1 ตัว สนนราคาตกตัวละประมาณ 1 หมื่นบาท พร้อมทั้งตั้งชื่อให้ว่า "พธู"
ทุกๆ วันนับจากได้พธูมาแล้วภาพชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนขี่ม้าแกลบ ไปเรียนตามอาคารต่างๆ กลายเป็นภาพชินตาของนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ไปเสียแล้ว นอกจากจะขี่ไปเรียนและขี่ไปโรงอาหารตอนพักเที่ยงแล้ว ศุภชัยยังเคยขี่ม้าตัวโปรดไปรับเพื่อนหญิงมาเรียนด้วยกันด้วย เวลาขึ้นเรียนหรือพักรับประทานอาหารกลางวันก็จะผูกเจ้าพธูไว้ใต้ต้นไม้ เขาบอกว่านอกจากประหยัดค่าน้ำมันแล้ว การขี่ม้ายังได้ออกกำลังกายด้วย และรู้สึกโก้หรูไม่เหมือนใคร
"ม้าแกลบเหมาะกับคนไทย เพราะสูงไม่มากนัก เป็นม้าพันธุ์เดียวกันกับที่ชาวเขาใช้บรรทุกสัมภาระในการเดินทางสมัยก่อน รู้สึกมีความสุขที่ได้เลี้ยงม้า เป็นความสนใจเฉพาะบุคคล คงเป็นลักษณะเดียวกันกับเพื่อนบางคน ที่ชอบแต่งรถแข่ง ถือเป็นความชอบส่วนบุคคลที่แตกต่างกันไป" ศุภชัย แจกแจง
ไม่ เฉพาะศุภชัยเท่านั้น ยังมีเพื่อนและรุ่นน้องอีกราว 8-9 คน ที่ปฏิบัติเช่นเดียวกับเขา คือการหันไปใช้ม้าเป็นพาหนะในชีวิตประจำวันแทนรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ ดังนั้น แต่ละวันในมหาวิทยาลัยแม่โจ้บางทีก็จะเห็นนักศึกษาขี่ม้าสวนกันให้พึ่บพั่บ พอหลังเลิกเรียนพวกเขาและเธอเหล่านี้บ้างก็ขี่ม้ากลับบ้าน บ้างก็ฝากเลี้ยงไว้ที่ฟาร์มของสาขาวิชาสัตวศาสตร์
สำหรับประเด็น ข้อข้องใจที่ว่าการใช้ม้าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้จริงหรือไม่นั้น ศุภชัย ตอบเสียงฉะฉานว่า หลังจากซื้อม้ามาเลี้ยงได้ระยะหนึ่งแล้วเห็นได้ชัดว่า ช่วยประหยัดได้มาก แต่ละเดือนจะเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าอาหารม้า ซึ่งเป็นอาหารเม็ดตกเดือนละ 1 กระสอบ ราคาประมาณ 400 บาท
นอกจากนี้ก็เป็นรำแห้งอีก 80 บาท ให้อาหารเสริม เช่น กล้วยบ้างเป็นครั้งคราว เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงอย่างที่หลายคนคิด สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็มีค่าเกือกม้า หากใช้ในการเดินทางระยะไกลเดือนครึ่งถึงสองเดือนก็เปลี่ยนสักครั้ง แต่ถ้าวิ่งใกล้ๆ และไม่ได้ใช้งานหนัก นานๆ ก็จะเปลี่ยนสักครั้ง
การ ใช้ม้าของนักศึกษาแม่โจ้นั้นได้รับความเห็นชอบจากมหาวิทยาลัยด้วยดี โดย รศ.อาคม กาญจนประโชติ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาการศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ บอกว่า จากวิกฤติราคาน้ำมันที่แพงขึ้นและเพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน มหาวิทยาลัยจึงอนุญาตให้นักศึกษาสามารถขี่ม้าภายในมหาวิทยาลัยแทนการขับขี่ รถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้
" ตอนนี้มีนักศึกษาซื้อม้าส่วนตัวมาเป็นพาหนะในการเดินทางแทนรถจักรยานยนต์ แล้ว 4-5 ตัว และกระแสตอบรับของนักศึกษาที่เข้ามาอบรมฝึกขี่ม้ากับชมรมของมหาวิทยาลัยก็มี เพิ่มขึ้น" รศ.อาคม กล่าว
แนวโน้มที่นักศึกษาจะหันมาสนใจซื้อม้ามา ใช้เป็นพาหนะในการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้นนี้เอง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ตระหนักถึงปัญหาที่จะตามมาในอนาคต ทั้งเรื่องการใช้พื้นผิวการจราจรร่วมกับยานพาหนะอื่นๆ อาหาร อุจจาระม้าที่เลี้ยง และจุดผูกม้าระหว่างการเข้าเรียน
มหาวิทยาลัยจึงเตรียมหารือร่วมกับชมรมขี่ม้า เพื่อหาทางออกและจัดระเบียบความเรียบร้อย ตลอดจนเตรียมการรองรับไม่ให้เกิดปัญหาตามมา โดย รศ.อาคมคาดการณ์ล่วงหน้าเอาไว้ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้จะมีนักศึกษาและประชาชนหันมาสนใจใช้ม้าแทนรถยนต์มากขึ้น อาจจะถึงหลักร้อยคนในเร็วๆ นี้
ส่วน "ภาณุ เนียมชมภู" ต้นตำรับขี่ม้าช่วยประหยัดน้ำมัน ทุกวันนี้เขายังคงขี่เจ้าคำก้อน ม้าหนุ่มวัย 7 ปี ไปไหนต่อไหนอยู่เสมอ โดยทุกวันจันทร์ถึงศุกร์เขาจะขี่ม้าไปทำงานเครื่องหนังที่หน้ามหาวิทยาลัย แม่โจ้ ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็ขี่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ในกลุ่มบ้าง นอกจากเจ้าคำก้อนแล้วภาณุยังหาซื้อม้ามาเพิ่มอีก 2 ตัว เป็นม้ายังไม่โตเต็มที่ดีนัก
เขากะว่าจะฝึกให้เชื่องและโตเต็มที่ก่อน แล้วจึงให้ภรรยาขี่ไปทำงาน ส่วนอีกตัวก็ให้ลูกขี่ไปเรียนหนังสือ หากใครที่มีธุระผ่านไปแถวๆ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เห็นชายหนุ่มไว้หนวดเครา สวมเครื่องเคราเหมือนคาวบอยตะวันตก ขอให้รู้ไว้เถอะว่า ได้มาถึงมหาวิทยาลัยแม่โจ้แล้ว
ราคา น้ำมันที่พุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ในปัจจุบัน ทำให้ "ภาณุ เนียมชมภู" ช่างทำเครื่องหนังวัย 38 ปี หน้ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ตัดสินใจหันมาขี่ม้าไปทำงานและใช้ในชีวิตประจำวัน แทนการใช้รถกินน้ำมันอย่างแต่ก่อน และเขาไม่ได้หยุดแนวคิดนี้ไว้เฉพาะกับตัวเองเท่านั้น แต่ยังขยายไปสู่บรรดานักศึกษาในมหาวิทยาลัยแม่โจ้ด้วย
ก่อนหน้านี้ ไม่นานนัก ภาณุในฐานะศิษย์เก่าแม่โจ้และนักกีฬาขี่ม้า ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ตั้งชมรมขี่ม้าขึ้น โดยมีเขาทำหน้าที่ฝึกสอนให้แก่นักศึกษาสาขาสัตวศาสตร์ คณะผลิตกรรมการเกษตรก่อน โดยใช้ม้าของสาขาวิชาที่มีอยู่ 5 ตัว ใช้เป็นพาหนะเดินทางไปเรียนภาคปฏิบัติที่ฟาร์มที่อยู่ห่างออกไป 3-5 กิโลเมตร จากโครงการประหยัดพลังงานนำร่องนี้เอง
ถึงวันนี้ได้ขยายไปสู่สาธารณะมากขึ้น เพราะนอกจากนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้แล้ว ยังมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และอีกหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ สมัครเข้ามาเรียนขี่ม้ากับชมรมขี่ม้าของแม่โจ้ จากชมรมเล็กๆ เน้นฝึกให้แก่นักศึกษาสาขาสัตวศาสตร์ไม่กี่คน ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 50 คน
" ศุภชัย วงศ์กล้า" นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาสัตวศาสตร์ คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 1 ในสมาชิกรุ่นแรกๆ และเป็นนักศึกษากลุ่มแรกที่ซื้อม้ามาใช้ในชีวิตประจำวัน เขาฝึกขี่ม้ากับภาณุในชมรมขี่ม้าแม่โจ้อยู่นานประมาณ 1 เดือน จนแคล่วคล่องจนสามารถบังคับม้าได้อย่างชำนิชำนาญมากขึ้น
จากที่เคยใช้ม้าของสาขาวิชาสัตวศาสตร์เดินทางไปทำงานภาคปฏิบัติที่ฟาร์มจน เกิดความผูกพัน ประกอบกับราคาน้ำมันที่แพงขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2551 เป็นต้นมา ชายหนุ่มจึงตัดสินใจให้ภาณุหาซื้อม้าเพศผู้สายพันธุ์ไทยหรือม้าแกลบสูงไม่ เกิน 2 เมตร มาให้ 1 ตัว สนนราคาตกตัวละประมาณ 1 หมื่นบาท พร้อมทั้งตั้งชื่อให้ว่า "พธู"
ทุกๆ วันนับจากได้พธูมาแล้วภาพชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนขี่ม้าแกลบ ไปเรียนตามอาคารต่างๆ กลายเป็นภาพชินตาของนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ไปเสียแล้ว นอกจากจะขี่ไปเรียนและขี่ไปโรงอาหารตอนพักเที่ยงแล้ว ศุภชัยยังเคยขี่ม้าตัวโปรดไปรับเพื่อนหญิงมาเรียนด้วยกันด้วย เวลาขึ้นเรียนหรือพักรับประทานอาหารกลางวันก็จะผูกเจ้าพธูไว้ใต้ต้นไม้ เขาบอกว่านอกจากประหยัดค่าน้ำมันแล้ว การขี่ม้ายังได้ออกกำลังกายด้วย และรู้สึกโก้หรูไม่เหมือนใคร
"ม้าแกลบเหมาะกับคนไทย เพราะสูงไม่มากนัก เป็นม้าพันธุ์เดียวกันกับที่ชาวเขาใช้บรรทุกสัมภาระในการเดินทางสมัยก่อน รู้สึกมีความสุขที่ได้เลี้ยงม้า เป็นความสนใจเฉพาะบุคคล คงเป็นลักษณะเดียวกันกับเพื่อนบางคน ที่ชอบแต่งรถแข่ง ถือเป็นความชอบส่วนบุคคลที่แตกต่างกันไป" ศุภชัย แจกแจง
ไม่ เฉพาะศุภชัยเท่านั้น ยังมีเพื่อนและรุ่นน้องอีกราว 8-9 คน ที่ปฏิบัติเช่นเดียวกับเขา คือการหันไปใช้ม้าเป็นพาหนะในชีวิตประจำวันแทนรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ ดังนั้น แต่ละวันในมหาวิทยาลัยแม่โจ้บางทีก็จะเห็นนักศึกษาขี่ม้าสวนกันให้พึ่บพั่บ พอหลังเลิกเรียนพวกเขาและเธอเหล่านี้บ้างก็ขี่ม้ากลับบ้าน บ้างก็ฝากเลี้ยงไว้ที่ฟาร์มของสาขาวิชาสัตวศาสตร์
สำหรับประเด็น ข้อข้องใจที่ว่าการใช้ม้าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้จริงหรือไม่นั้น ศุภชัย ตอบเสียงฉะฉานว่า หลังจากซื้อม้ามาเลี้ยงได้ระยะหนึ่งแล้วเห็นได้ชัดว่า ช่วยประหยัดได้มาก แต่ละเดือนจะเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าอาหารม้า ซึ่งเป็นอาหารเม็ดตกเดือนละ 1 กระสอบ ราคาประมาณ 400 บาท
นอกจากนี้ก็เป็นรำแห้งอีก 80 บาท ให้อาหารเสริม เช่น กล้วยบ้างเป็นครั้งคราว เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงอย่างที่หลายคนคิด สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็มีค่าเกือกม้า หากใช้ในการเดินทางระยะไกลเดือนครึ่งถึงสองเดือนก็เปลี่ยนสักครั้ง แต่ถ้าวิ่งใกล้ๆ และไม่ได้ใช้งานหนัก นานๆ ก็จะเปลี่ยนสักครั้ง
การ ใช้ม้าของนักศึกษาแม่โจ้นั้นได้รับความเห็นชอบจากมหาวิทยาลัยด้วยดี โดย รศ.อาคม กาญจนประโชติ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาการศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ บอกว่า จากวิกฤติราคาน้ำมันที่แพงขึ้นและเพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน มหาวิทยาลัยจึงอนุญาตให้นักศึกษาสามารถขี่ม้าภายในมหาวิทยาลัยแทนการขับขี่ รถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้
" ตอนนี้มีนักศึกษาซื้อม้าส่วนตัวมาเป็นพาหนะในการเดินทางแทนรถจักรยานยนต์ แล้ว 4-5 ตัว และกระแสตอบรับของนักศึกษาที่เข้ามาอบรมฝึกขี่ม้ากับชมรมของมหาวิทยาลัยก็มี เพิ่มขึ้น" รศ.อาคม กล่าว
แนวโน้มที่นักศึกษาจะหันมาสนใจซื้อม้ามา ใช้เป็นพาหนะในการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้นนี้เอง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ตระหนักถึงปัญหาที่จะตามมาในอนาคต ทั้งเรื่องการใช้พื้นผิวการจราจรร่วมกับยานพาหนะอื่นๆ อาหาร อุจจาระม้าที่เลี้ยง และจุดผูกม้าระหว่างการเข้าเรียน
มหาวิทยาลัยจึงเตรียมหารือร่วมกับชมรมขี่ม้า เพื่อหาทางออกและจัดระเบียบความเรียบร้อย ตลอดจนเตรียมการรองรับไม่ให้เกิดปัญหาตามมา โดย รศ.อาคมคาดการณ์ล่วงหน้าเอาไว้ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้จะมีนักศึกษาและประชาชนหันมาสนใจใช้ม้าแทนรถยนต์มากขึ้น อาจจะถึงหลักร้อยคนในเร็วๆ นี้
ส่วน "ภาณุ เนียมชมภู" ต้นตำรับขี่ม้าช่วยประหยัดน้ำมัน ทุกวันนี้เขายังคงขี่เจ้าคำก้อน ม้าหนุ่มวัย 7 ปี ไปไหนต่อไหนอยู่เสมอ โดยทุกวันจันทร์ถึงศุกร์เขาจะขี่ม้าไปทำงานเครื่องหนังที่หน้ามหาวิทยาลัย แม่โจ้ ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็ขี่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ในกลุ่มบ้าง นอกจากเจ้าคำก้อนแล้วภาณุยังหาซื้อม้ามาเพิ่มอีก 2 ตัว เป็นม้ายังไม่โตเต็มที่ดีนัก
เขากะว่าจะฝึกให้เชื่องและโตเต็มที่ก่อน แล้วจึงให้ภรรยาขี่ไปทำงาน ส่วนอีกตัวก็ให้ลูกขี่ไปเรียนหนังสือ หากใครที่มีธุระผ่านไปแถวๆ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เห็นชายหนุ่มไว้หนวดเครา สวมเครื่องเคราเหมือนคาวบอยตะวันตก ขอให้รู้ไว้เถอะว่า ได้มาถึงมหาวิทยาลัยแม่โจ้แล้ว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)